2023-09-15 09:17:42
หลายคนคงพอรู้มาบ้างว่าการเดินออกกำลังกายมีประโยชน์ แต่คงนึกไม่ออกว่ามันจะมีประโยชน์มากแค่ไหนกัน เพราะปกติเรานั้นต้องเดินในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ถ้าใครอยากดูแลสุขภาพ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ลองมาตั้งเป้าหมายเดินออกกำลังกายครั้งละ 60 นาที แล้วลองมาดูกันว่าตั้งแต่นาทีแรกถึงนาทีที่ 60 จะได้ประโยชน์จากการเดินออกกำลังกายมากแค่ไหนกัน!
เดินออกกำลังกายตั้งแต่นาทีที่ 1-5
เริ่มจากการเดินแค่ก้าวแรกร่างกายก็กระตุ้นให้ปล่อยสารเคมีที่สร้างพลังงานในเซลล์กันแล้ว ซึ่งกระบวนการนี้จะเป็นเหมือนเชื้อเพลิงให้กับการเดิน ทั้งนี้ในการเดินตั้งแต่นาทีที่1-5 ชีพจรจะเร่งขึ้นเป็น 70-100 ครั้งต่อนาทีโดยประมาณ และนั่นจึงส่งผลให้เกิดการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด พร้อมทั้งให้ความอบอุ่นแก้กล้ามเนื้อ
เดินออกกำลังกายตั้งแต่นาทีที่ 6-10
ในช่วงเวลาของการเดินตั้งแต่นาทีที่ 6-10 ชีพจรจะเต้นเร็วขึ้นกว่าเดิม ร่างกายก็เริ่มเกิดการเผาผลาญมากขึ้นเป็น 6 กิโลแคลอรีต่อนาทีเลยทีเดียว เมื่อก้าวเท้ามากขึ้นความดันโลหิตก็จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน แต่ช่วงนี้จะทำให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัวเพื่อเปิดให้ออกซิเจนเข้าสู่กล้ามเนื้อมากขึ้น
เดินออกกำลังกายตั้งแต่นาทีที่ 11-20
เมื่อเดินมาถึงนาทีที่ 11-20 อุณหภูมิในร่างกายจะเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ สังเกตเห็นได้ว่าช่วงเวลานี้เหงื่อจะเริ่มออก เนื่องจากเส้นเลือดส่วนที่อยู่ใกล้กับผิวหนังเกิดการขยายตัวขึ้น ทำให้ร่างกายเริ่มปลดปล่อยความร้อนออกมา ยิ่งถ้าเดินต่อไปร่างกายก็จะเผาผลาญได้ไปจนถึง 7 กิโลแคลอรีต่อนาที และจะมาพร้อมกับอัตราการหายใจที่เร็วขึ้นด้วย ในขณะเดียวกันนี้ฮอร์โมนต่าง ๆ เช่น เอพิเนฟรินและกลูคากอน ก็จะถูกปลดปล่อยออกมามากขึ้นด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการเพิ่มเชื้อเพลิงให้กับกล้ามเนื้อที่กำลังใช้งานอยู่นั่นเอง
เดินออกกำลังกายตั้งแต่นาทีที่ 21-45
ในช่วงนาทีที่ 21 ของการเดิน ร่างกายจะเริ่มกระปรี้กระเปร่าและรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น เนื่องจากร่างกายจะเริ่มลดความตึงเครียดลง นั่นเพราะสารเคมีที่ทำให้รู้สึกดีอย่างเอ็นดอร์ฟินจะยิ่งเพิ่มขึ้นในสมอง และเมื่อไขมันถูกเผาผลาญมากขึ้น ก็จะส่งผลให้อินซูลินที่สะสมในไขมันลดลงไปด้วย จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมการเดินออกกำลังกายจึงถูกแนะนำสำหรับกลุ่มคนที่มีน้ำหนักเกินและผู้ป่วยโรคเบาหวาน
เดินออกกำลังกายตั้งแต่นาทีที่ 46-60
เมื่อเดินมาถึงนาทีที่ 46 และเดินไปเรื่อยๆ จนถึงนาทีที่ 60 ร่างกายจะเริ่มรู้สึกเหนื่อย นั่นเพราะระยะเวลานี้กล้ามเนื้อจะเริ่มรู้สึกเมื่อยล้า เพราะคาร์โบไฮเดรตที่สะสมอยู่ในร่างกายค่อยๆ ลดลงนั่นเอง แต่เมื่อร่างกายเริ่มเย็นตัวลง ชีพจรเริ่มเต้นช้าลง พร้อมทั้งหายใจช้าลง ก็จะทำให้อัตราการเผาผลาญพลังงานลดลงตามไปด้วย แต่ทั้งนี้ระดับเผาผลาญก็ยังสูงกว่าตอนที่เริ่มเดิน
เห็นภาพประโยชน์จากการเดินออกกำลังกายได้ชัดมากขึ้นแล้ว ถ้าอยากลองดูแลตัวเองแบบง่าย ๆ แต่ได้ประโยชน์แบบเต็มที่ ลองเริ่มจากการเดินออกกำลังกายกันได้เลย
ที่มา : sanook